การเรียนรู้แบบเรียนรวม
(https://www.gotoknow.org/posts/547100)ได้รวบรวมการเรียนรู้แบบเรียนรวมไว้ว่า
การเรียนรวมหรือการเรียนร่วม
เป็นการจัดการศึกษาให้เด็กพิเศษ ซึ่งหมายถึง เด็กที่มีปัญญาเลิศ
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด เด็กที่มีความบกพร่องทางอารมณ์และพฤติกรรม
เด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้และเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา ได้มีโอกาสเรียนร่วมกับเด็กทั่วไปตามความสามารถและความต้องการพิเศษของแต่ละบุคคล
เพื่อส่งเสริมให้ได้เรียนรู้และอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นๆในสังคมได้อย่างมีความสุขและมีความเท่าเทียมกันตามสิทธิมนุษยชน สำหรับรูปแบบของการจัดการเรียนแบบเรียนร่วมนั้นมีหลากหลายรูปแบบตัวอย่างเช่น
- การเรียนร่วมอย่างสมบูรณ์
โดยเด็กพิเศษจะได้เข้าเรียนร่วมกับเด็กปกติในโรงเรียนปกติ
- การเรียนร่วมบางเวลา
เด็กพิเศษจะเข้าเรียนร่วมกับเด็กปกติในบางรายวิชาและได้รับบริการพิเศษจาก ครูหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา
- การเรียนร่วมทางสังคม
เป็นการให้เด็กพิเศษเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆกับเด็กปกติ เช่น กิจกรรม
นันทนาการ
งานสังสรรค์ของโรงเรียน งานแนะแนวการศึกษา แต่จะเรียนในชั้นพิเศษเฉพาะ
หรืออาจจะมีการร่วมเรียนร่วมรู้โดยการจัดเป็นกิจกรรมกลุ่มขึ้นมาตัวอย่างเช่น เพื่อนสอนเพื่อน
ส่วน ใหญ่จะเป็นการทบทวนในเนื้อหาที่เรียนไปแล้วซึ่งเด็กบางคนอาจเรียน ไม่ทันหรือไม่เข้าใจในสิ่งที่ครู สอนก็จะได้เพื่อนช่วยชี้แนะอีกทางหนึ่ง
- การต่อชิ้นส่วน
เป็นการมอบหมายให้ผู้เรียนมีบทบาทเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อทำงานที่ได้รับมอบ หมายเสร็จก็นำงานแต่ละส่วนมารวมกันเป็นงานชิ้นใหญ่ที่เป็นระเบียบและมีความ สมบูรณ์ครบถ้วน
- ผลสัมฤทธิ์ของทีมงาน
โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มประมาณ 4 คน ให้ผู้เรียนทุกคนร่วมกันอ่านเนื้อหา วิชาในส่วนที่ได้รับมอบหมาย
ถ้าเพื่อนในกลุ่มคนใดไม่เข้าใจ เพื่อนที่เหลือในกลุ่มต้องช่วยกันอธิบาย จนกว่าจะเข้าใจในเนื้อหาได้ครบทุกคน
เมื่อเข้าใจหมดทุกคนแล้วจะมีการสอบเป็นรายบุคคล
คะแนน ของทุกคนจะถูกนำมาเฉลี่ยเป็นคะแนนกลุ่ม หากกลุ่มใดคะแนนต่ำสมาชิกในกลุ่มต้องกลับไปเรียนร ใหม่จนกว่าจะสอบได้คะแนนตามเกณฑ์
การเรียนร่วมทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยข้อดีสำหรับการเรียนรวมคือ
1.ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น
2.เพิ่มการยอมรับนับถือในตนเองว่าตนเองมีคุณค่า ความสามารถ
3.เป็นการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา
4. เป็นการพัฒนาทักษะทางสังคม
5.ส่งเสริมทักษะในการผูกมิตรและการยอมรับจากเพื่อน
6.ลดการแข่งขันและการเอาเปรียบผู้อื่น
ส่วนข้อเสียสำหรับการเรียนร่วมคือ
ส่วนข้อเสียสำหรับการเรียนร่วมคือ
1.อาจเสียความเป็นระเบียบในชั้นเรียน
2.เด็กเรียนเก่งอาจจะรู้สึกว่าเสียเวลา
แต่ครูควรชี้แจงให้เด็กเก่งเข้าใจและรู้จักการทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและสังคม
(http://www.oknation.net/blog/pannida/2012/11/12/entry-10)ได้รวบรวมการเรียนรู้แบบเรียนรวมไว้ว่า
การศึกษาแบบเรียนรวม หมายถึง การรับเด็กเข้ารับการศึกษาโดยไม่แบ่งแยกความบกพร่องของเด็ก
หรือคัดแยกเด็กที่ด้อยว่าเด็กส่วนใหญ่ออกจากชั้นเรียน
แต่จะใช้การบริหารจัดการและวิธีการในการให้เด็กเกิดการเรียนรู้และพัฒนาการตามความต้องการ
จำเป็นอย่างเหมาะสมเป็นรายบุคคล
การจัดการศึกษาแบบเรียนร่วม - Presentation
Transcript
การเรียนร่วมหมายถึงการจัดให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษและเด็กพิการเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป
มีการร่วมกิจกรรมและใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวันระหว่างเด็กที่มีความต้องการพิเศษและเด็กพิการกับเด็กทั่วไป
การจัดการเรียนร่วมเป็นการจัดการศึกษาให้เด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ
มีโอกาสเข้าไปในระบบการศึกษาปกติ
โดยเปิดโอกาสให้เด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษได้เรียนและทำกิจกรรมร่วมกับเด็กทั่วไป
โดยมีครูทั่วไปและครูการศึกษาพิเศษร่วมมือและรับผิดชอบร่วมกัน(Collaboration) และการจัดการเรียนร่วม อาจกระทำได้หลายลักษณะวิธีการจัดการเรียนร่วม ซึ่งปฏิบัติกันอยู่ในหลายประเทศและประสบความสำเร็จ ซึ่งมีรูปแบบการจัดเรียนร่วมได้ 6 รูปแบบ ดังนี้
1. ชั้นเรียนปกติเต็มวัน รูปแบบการจัดเรียนร่วม
2. ชั้นเรียนปกติเต็มวันและบริการปรึกษา
3. ชั้นเรียนปกติเต็มวันและบริการครู
4. ชั้นเรียนปกติเต็มวันและบริการสอนเสริม
5. ชั้นพิเศษและชั้นเรียนเรียนปกติเด็กจะเรียนในชั้นเรียนพิเศษ
6. ชั้นเรียนพิเศษใน
โรงเรียนปกติ
(http://61.19.246.216/~nkedu2/?name=webboard&file=read&id=177) ได้รวบรวมการเรียนรู้แบบเรียนไว้ว่า
การศึกษาแบบเรียนรวม
หมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก นั่น คือ การสอนที่ดี
เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน
โดยการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ให้กับชุมชนและโรงเรียน การอยู่รวมกันจึงมีความหมายรวมไปถึงกิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี
(Good Teaching) ซึ่งเป็นการคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้เป็นการกำหนดทางเลือกหลายๆ
ทาง (Wilson , Kliewer, East, 2007) จากความหมายดังกล่าว
อาจกล่าวได้ว่า การเรียนรวม
เป็นแนวคิดทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเด็กคนใดเป็นเด็กปกติ
หรือเด็กคนใดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียนทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้
และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม และดำเนินการเรียนในลักษณะ “รวมกัน” ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่ง
ของสังคม ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน ทุกคนยอมรับว่ามี ผู้พิการ
อยู่ในสังคมและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติ
โดยไม่มีการแบ่งแยก การเรียนรวมยังแบ่งออกเป็นการเรียนเต็มเวลา
และการเรียนรวมบางเวลา การเรียนรวมเต็มเวลา (Full Inclusion)
หมายถึง
การให้เข้าเรียนในชั้นเรียนรวมตลอดทั้งวันเช่นเดียวกับการมาโรงเรียนตามปกติของนักเรียนทั้งหลาย
การเรียนรวมบางเวลา (Partial Inclusion) หมายถึง
การให้เด็กเข้าเรียนในชั้นเรียนรวมในบางชั่วโมงของ 1 วัน หรือ
บางชั่วโมงของเวลาเรียนใน 1 สัปดาห์
เป็นการเข้าเรียนไม่เต็มเวลาของการเรียนปกติ
รูปแบบการเรียนรวม
ในการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษเรียนรวมกับเด็กปกติต้องอาศัยรูปแบบการเรียนรวมที่เหมาะสมกับผู้เรียนในชั้นเรียนรวม
ซึ่งรูปแบบการเรียนรวมมีหลายรูปแบบ โดยที่ ด๊าค (Daeck,
2007) ได้เสนอรูปแบบการเรียนรวมเต็มเวลาไว้ 3 รูปแบบ ดังนี้
1. รูปแบบครูที่ปรึกษา
(Consultant Model) ในรูปแบบนี้ครูการศึกษาพิเศษจะได้รับมอบหมายให้สอนทักษะแก่เด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เนื่องจากครูที่สอนชั้นเรียนรวมสอนเด็กแล้ว
แต่ทักษะยังไม่เกิดกับเด็กคนนั้นครูการศึกษาพิเศษต้องสอนทักษะเดิมซ้ำอีก
จนกระทั่งเด็กเกิดทักษะนั้น
สำหรับรูปแบบนี้ครูการศึกษาพิเศษจะรับผิดชอบเด็กจำนวนหนึ่ง เป็นจำนวนจำกัด
ครูปกติและครูการศึกษาพิเศษต้องมีการพบปะเพื่อประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับทักษะของเด็ก
และมีการวางแผนร่วมกัน
รูปแบบนี้เหมาะกับโรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนเด็กที่มีความต้องการพิเศษไม่มากนัก
ซึ่งผู้เรียบเรียงได้ไปศึกษาดูงานที่ Westbrook
Walnut Grove : High School ในประเทศสหรัฐอเมริกา
2. รูปแบบการร่วมทีม
( Teaming Model) ในรูปแบบนี้ครูการศึกษาพิเศษจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการร่วมทีมกับครูที่สอนชั้นปกติ
เช่น ในสาย ป.2 ( ครูที่สอนชั้นป.2 / 1 และ ป.2 / 2) ครูการศึกษาพิเศษมีหน้าที่ให้ข้อมูลแก่ครูปกติเกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษในชั้นเรียนรวม
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับวิธีสอนการมอบหมายงานหรือการบ้าน การปรับวิธีสอบ
การจัดการด้านพฤติกรรม มีการวางแผนร่วมกันสม่ำเสมอ เช่น สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง
ครูที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานวางแผนร่วมกันเป็นทีมในการให้ความช่วยเหลือเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
3. รูปแบบการร่วมมือ
หรือ การร่วมสอน (Collaborative / Co Teaching Model) ในรูปแบบนี้ทั้งครูการศึกษาพิเศษและครูปกติร่วมมือกันในหลายลักษณะในการสอนเด็กทุกคน
ทั้งเด็กที่มีความต้องการพิเศษและเด็กปกติในห้องเรียนปกติ
ร่วมมือกันรับผิดชอบในการวางแผน การสอน การวัดผลประเมินผล
การดูแลเกี่ยวกับระเบียบวินัยและพฤติกรรมของเด็กผู้เรียนจะได้รับบริการด้านการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับวัย
ได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนที่จำเป็น
ตลอดจนการปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน
ในรูปแบบนี้ครูผู้รับผิดชอบจะต้องประชุมกันเพื่อวางแผน เพื่อให้การเรียนรวมดำเนินไปด้วยดี
จากที่กล่าวมาข้างต้น
สามารถสรุปได้ว่า
การเรียนรู้แบบเรียนรวม หมายถึง การรับเด็กเข้ารับการศึกษาโดยไม่แบ่งแยกความบกพร่องของเด็ก
หรือคัดแยกเด็กที่ด้อยว่าเด็กส่วนใหญ่ออกจากชั้นเรียน
แต่จะใช้การบริหารจัดการและวิธีการในการให้เด็กเกิดการเรียนรู้และพัฒนาการตามความต้องการ
จำเป็นอย่างเหมาะสมเป็นรายบุคคล
รูปแบบการเรียนรวม
1. รูปแบบครูที่ปรึกษา
(Consultant Model) ในรูปแบบนี้ครูการศึกษาพิเศษจะได้รับมอบหมายให้สอนทักษะแก่เด็กที่มีความต้องการพิเศษ
2.รูปแบบการร่วมทีม
( Teaming Model) ในรูปแบบนี้ครูการศึกษาพิเศษจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการร่วมทีมกับครูที่สอนชั้นปกติ
3. รูปแบบการร่วมมือ
หรือ การร่วมสอน (Collaborative / Co Teaching Model) ในรูปแบบนี้ทั้งครูการศึกษาพิเศษและครูปกติร่วมมือกันในหลายลักษณะในการสอนเด็กทุกคน
ทั้งเด็กที่มีความต้องการพิเศษและเด็กปกติในห้องเรียนปกติ
ที่มา
https://www.gotoknow.org/posts/547100.การบูรณาการการเรียนรู้แบบเรียนรวม.สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2558.
http://www.oknation.net/blog/pannida/2012/11/12/entry-10.การจัดการศึกษาแบบเรียนรวมและ จัดการศึกษาแบบเรียนร่วม.สืบค้นเมื่อ 5
กันยายน 2558.
http://61.19.246.216/~nkedu2/?name=webboard&file=read&id=177.การศึกษาแบบเรียนรวม .สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2558.
http://61.19.246.216/~nkedu2/?name=webboard&file=read&id=177.การศึกษาแบบเรียนรวม .สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2558.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น